เปิดโลกกว้างอดีตกาล (ซีรี่ย์2): การเห็นต่างในความเชื่อด้านศาสนาก่อให้เกิดการกวาดล้าง ข่มขี่ ย่ำยีชาวพุทธในเวียดนามใต้ จนนำไปสู่จุดจบอันน่าอนาถของผู้นำเผด็จการที่ข่มเหงรังแกชาวพุทธ


เปิดโลกกว้างอดีตกาล (ซีรี่ย์2)




     ประธานาธิบดี โงดินเดียม ได้ดำเนินนโยบาย บังคับชาวพุทธทุกคนในเวียตนาม ให้มานับถือศาสนาคริสต์ทุกคน. ตั้งคณะกรรมการที่มาจากต่างศาสนา เข้ามาทำการบริหารคณะสงฆ์บังคับให้พระผู้ใหญ่ในเวียตนามเปลี่ยนศาสนา และลงนามยอมทำตามสัญญา

     ดังนั้น จึงได้เกิดการต่อต้านจากพระสงฆ์ และประชาชนครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของเวียดนามใต้และเป็นเหตุให้เกิดการเข่นฆ่ากวาดล้างอย่างโหดเหี้ยมที่สุดนับจากหลังสงครามเวียดนามเป็นต้นมา




     ด้วยการสนับสนุนของ นักบวชสังฆราชคริสเตียน ซึ่งเป็นพี่ชายของประธานาธิบดี โงดินเดียม ได้สั่งให้รัฐบาลกวาดล้างแบบทหาร ประกาศกฏอัยการศึก ให้ฆ่าชาวพุทธทุกคนที่ออกมาต่อต้านได้ จึงเกิดการจลาจลครั้งใหญ่ในเมือง ประชาชนออกมาสู้รบกับทหารตำรวจ และถูกฆ่าเป็นจำนวนหลายพันคน

     ในครั้งนั้นมีพระสงฆ์ที่ออกมาต่อต้าน บ้างถูกจับเข้าคุก บ้างถูกไล่ยิง ถูกซ้อมจนปางตาย บางรูปถูกจับโยนลงจากเจดีย์จนตาย ชาวพุทธบางกลุ่มพากันสวดมนต์นั่งสมาธิอย่างสงบเฉยๆ ก็ถูกจับขึ้นรถและสูญหายไปหลายร้อยคน ตั้งข้อหาว่าสวดมนต์เพื่อสาบแช่งรัฐบาล




     ตามบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ มีพระสงฆ์หลายรูป ได้พากันออกมา จุดไฟเผาตัวเองเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลล้มเลิกนโยบายดังกล่าว หลวงพ่อ ติส กวง ดิก พระเถระผู้เป็นที่เคารพนับถือของชาวเวียตนาม ได้เขียนจดหมายเรียกร้อง ก่อนที่ท่านจะให้ลูกศิษย์ ราดน้ำมันจุดไฟเผาร่างท่านเอง อุทิศชีวิตให้พุทธศาสนา

     เมื่อท่านมรณภาพลง รัฐบาลกลับไม่ยอมลดราวาศอก แต่กลับได้รับการเย้ยหยันจากน้องสะไภ้ของ ประธานาธิบดี ว่า ต่อไปหากมีการย่าง บาบีคิว ขึ้นอีก จะปรบมือ และมอบไฟแช็คกับน้ำมันให้ ด้วยคำพูดที่เย้ยหยันต่อการเผาร่างอุทิศชีวิตตนเองเช่นนี้ จึงเกิดจุด พีค ของประวัติศาสตร์ในที่สุด




     บรรดาทหารชาวเวียดนามที่เป็นชาวพุทธ อดรนทนไม่ได้ที่ปล่อยให้ประธานาธิบดี โงดินเดียมและครอบครัว พากันกดขี่ทารุนกรรมชาวพุทธอีกต่อไป จึงได้วางแผนกันก่อการปฏิวัติ เกิดสงครามกลางเมืองย่อยๆ และทำการยึดอำนาจจากรัฐบาลได้ในที่สุด

     คณะปฏิวัติได้จับกุม โงดินเดียม และครอบครัว รวมทั้งคนใกล้ชิด ไปสังหารอย่างทารุณ สิ้นชีวิตอย่างน่าสมเพศ อเน็จอนาถ เหมือนดังที่ตนเองได้ทำไว้ต่อชาวพุทธเพื่อนร่วมชาติ ศพแล้วศพเล่า เหตุการณ์จึงค่อยคลี่คลายลงได้อย่างสงบตั้งแต่นั้นมา


แม้สรีระของหลวงพ่อติส กวง ดิก จะเป็นธุลีไปแล้ว
แต่หัวใจของท่านที่ได้จากกองเพลิงมิได้ไหม้เป็นเถาถ่านตามไปด้วย


ชาวพุทธจึงยกย่องว่าหลวงพ่อติส กวง ดิก คือพระโพธิสัตว์ 

     เป็นอุทาหรณ์ทางประวัติศาสตร์ แม้เราชาวพุทธอาจจะยังโลกสวย คิดว่าเราอาจอยู่ร่วมกันกับศาสนิกอื่นได้อย่างสันติ เราสันติกับเขา แต่เรากล้าเอาอะไรมารับประกัน กล้าเอาอะไรมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ฆ่าพระสงฆ์รายวันในบางประเทศ ซึ่งมันเกิดขึ้นจริงๆ บนโลกใบสวยๆของประเทศเรานี้เอง ภัยจากศาสนิกอื่นที่ว่าร้ายก็ยังไม่ร้ายเท่าภัยที่เกิดจากศาสนิกเดียวกันเองที่ยังนิ่งเฉย

ขอให้พุทธศาสนารุ่งเรืองบนแผ่นดินไทย ตราบนานเท่านาน สาธุฯ

#SRPO



ขอฝากคลิปนี้ไว้ หาเวลาดูให้จบ แล้วจะเข้าใจว่า ภัยอะไรที่กำลังคุกคามพระพุทธศาสนาในเมืองไทย...


ขอบคุณข้อมูล :  คุณ Srimora Panuwat https://www.facebook.com/panuwat.srimora
เปิดโลกกว้างอดีตกาล (ซีรี่ย์2): การเห็นต่างในความเชื่อด้านศาสนาก่อให้เกิดการกวาดล้าง ข่มขี่ ย่ำยีชาวพุทธในเวียดนามใต้ จนนำไปสู่จุดจบอันน่าอนาถของผู้นำเผด็จการที่ข่มเหงรังแกชาวพุทธ เปิดโลกกว้างอดีตกาล (ซีรี่ย์2): การเห็นต่างในความเชื่อด้านศาสนาก่อให้เกิดการกวาดล้าง ข่มขี่ ย่ำยีชาวพุทธในเวียดนามใต้ จนนำไปสู่จุดจบอันน่าอนาถของผู้นำเผด็จการที่ข่มเหงรังแกชาวพุทธ Reviewed by Mali_Smile1978 on 21:20 Rating: 5

1 ความคิดเห็น:

  1. การที่คนยอมเผด็จการเพราะมีอาวุธและกำลังพร้อมที่รุกรานสิทธิเสรีภาพผู้เห็นต่างได้ตลอดเวลา
    แต่เพราะพระสอนคนทำดี จึงเป็นที่พึ่งทางใจได้อย่างแท้จริง
    เผด็จการจึงมองเห็นพระเป็นภัยต่อความมั่นคงของอำนาจเขานั่นเอง

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.