ตอบชัดๆ ทำไมวัดพระธรรมกายสอนให้รวย

รู้มาก็ตอบไป โดย ชุลีพร ช่วงรังษี ตอนที่ 7

ที่มาภาพ: https://goo.gl/fCYaB4

ถาม :  ทำไมวัดพระธรรมกายสอนให้รวย  ซึ่งเป็นการสอนให้ยึดติด  ไม่ได้สอนให้ละวาง 

ตอบ :  ก่อนจะตอบ ขอถามก่อนว่า  “ความรวยไม่ดีตรงไหน?”  การสอนให้รวยถึงทำให้วัดพระธรรมกายตกเป็นจำเลยสังคม  

พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังสอนให้รวยเลย  คาถาหัวใจเศรษฐี “อุอากะสะ”  นี่ก็เป็นธรรมะของพระพุทธองค์นะคะ



@ “ความรวย” ไม่ใช่ “ความเลว”  

       ทรัพย์สมบัติเป็นของกลาง ๆ  ที่จะนำไปใช้ในทางดีหรือเลวก็ได้  ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ทรัพย์ว่าจะนำไปทำอะไร  เอาไปใช้สร้างความดีหรือความชั่ว

@ “ความรวย” กับ “ความโลภ” ก็ไม่เหมือนกัน 

“รวย” คือมีทรัพย์สมบัติมาก  

ส่วน “โลภ” คือ ความทะยานอยาก อยากมี อยากได้เกินขอบเขต อยากได้สิ่งของผู้อื่นโดยไม่ชอบธรรม

       คนรวยอาจจะไม่โลภก็ได้  คนโลภอาจจะไม่รวยก็ได้  เคยเห็นเศรษฐีใจดี  และคนจนขี้งกไหมคะ



       การสอนให้ “รวย” จึงเป็นคนละเรื่องกับการสอนให้ “เลว” หรือสอนให้ “โลภ” 

       และการสอนให้รวยก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร  กลับเป็นเรื่องที่ดีด้วยซ้ำ  ถ้าสอนให้นำทรัพย์ไปสร้างความดี

*** ทำไมวัดพระธรรมกายต้องสอนให้รวย ???




ก็เป็นคนรวยแล้วสร้างบุญ  สร้างความดีได้ง่ายกว่า  เป็นคนจนไงคะ

       วัดพระธรรมกายสอนว่า  ทรัพย์สมบัติเป็นเครื่องมือในการสร้างบารมี  ถ้ามีทรัพย์มากก็มีโอกาสใช้ไปในการสร้างบุญ  สั่งสมบารมี  และช่วยเหลือสังคมได้มากกว่า 

       ถ้ามีเงินเหลือเฟือ ใครเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือ  เราก็ให้ได้ทันที  แต่ถ้าจนซะแล้ว ก็คงให้ได้แค่กำลังใจ  ซึ่งเขาก็กินไม่ได้

       รวยแล้วรักษาศีลง่ายกว่าด้วย  เพราะถ้าจนมากๆ อาจเอาตัวรอดด้วยการฆ่าสัตว์เป็นอาหาร หรือลักทรัพย์คนอื่นมาเพื่อยังชีพได้

       หรือจะนั่งสมาธิก็ง่ายกว่า  เพราะใจไม่ต้องกังวลเรื่องการทำมาหากิน  จะลางานไปปฏิบัติธรรม หรือออกบวชนานๆ ก็ไม่ต้องกลัวว่า ถ้าถูกไล่ออกจากงานแล้วจะไม่มีกิน

       ยิ่งถ้าใครอยากหมดกิเลสไปพระนิพพาน  ยิ่งต้องสะสมเสบียงด้วยการทำทาน  เตรียมตัวเดินทางไกลในสังสารวัฏให้เพียงพอ

       เพราะกว่าจะสร้างบารมีให้แก่รอบพอที่จะบรรลุมรรคผลนิพพาน  ต้องใช้เวลายาวนานมาก  อย่างน้อยที่สุดก็ 10,000 กัป  หรือประมาณ 8,192 ล้านล้านล้านล้านปี  (ตัวเลขนี้ดิฉันคำนวณเอง ให้พอทราบว่านานขนาดไหน อาจมีคลาดเคลื่อนบ้างนะคะ)

       คิดง่าย ๆ  แค่เดินทางไปต่างประเทศไม่กี่วัน  ยังต้องวางแผนเก็บเงินเลย  แล้วการเดินทางไปพระนิพพานซึ่งใช้เวลาหลายล้านๆๆๆ ปี   ก็ยิ่งต้องจริงจังในการวางแผนเตรียมเสบียงไปกันใหญ่

 (สำหรับเรื่องการสร้างบารมีเพื่อไปพระนิพพาน แนะนำให้อ่าน “รู้มาก็ตอบไป” ตอนที่ 8  ซึ่งดิฉันอธิบายละเอียดกว่านี้นะคะ)

***** แล้วทำไมต้องจูงใจให้ทำบุญ  ด้วยการบอกว่าทำแล้วจะรวย ???

       ที่จริงเป็นแค่การบอกอานิสงส์ผลบุญที่จะได้รับเท่านั้นเองค่ะ  ไม่น่าเรียกว่า “การจูงใจ” นะคะ



       ปกติทางวัดพระธรรมกายก็บอกอานิสงส์ของการทำบุญทุกอย่างอยู่แล้ว  ไม่ว่าจะเป็นบุญสร้างโบสถ์  วิหาร  ศาลา  ถวายภัตตาหาร  กวาดพื้น  ถูพื้น  เก็บขยะ  ล้างห้องน้ำ  จัดเรียงรองเท้า ฯลฯ

       เรียกว่าบุญเล็กหรือใหญ่ก็บอกหมดแหละค่ะ  ไม่ใช่บอกแต่บุญที่มีอานิสงส์ทำให้รวยนะคะ  

>>> แต่คนโจมตีเขายกแต่ประเด็นเรื่องรวยมาขยายความค่ะ  เขาอาจเห็นว่าถ้ายกประเด็นอื่นแล้วจะตีไม่ขึ้นมั้งคะ !!!


*** สอนให้รวยบ่อย ๆ  ไม่กลัวคนยึดติดกับวัตถุบ้างเหรอ ???

       ไม่กลัวเลยค่ะ เพราะความรวยและการยึดติดในทรัพย์ก็เป็นคนละเรื่องกัน 

       คนมีทรัพย์มากไม่จำเป็นต้องยึดติดในทรัพย์เสมอไปนะคะ  

       มหาเศรษฐีใจบุญที่สละทรัพย์เกือบทั้งหมดที่มีอยู่  เพื่อการกุศลก็มีให้เห็นตั้งหลายคน 






       ตัวอย่างเช่น วอร์เร็น บัฟเฟตต์ ก็ตั้งใจจะบริจาค 99% ของทรัพย์สินทั้งหมด  และบิลล์ เกตส์ ก็ประกาศจะบริจาค 95% ของที่มี

       ลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็ไม่ติดในทรัพย์  และนิยมสละทรัพย์เพื่อการกุศล  เหมือนมหาเศรษฐีทั้งสองท่านเช่นกันค่ะ

***** รวยแล้วจะละวางกิเลสได้ไหม ???

คนรวยก็สามารถชำระกิเลสให้หมดไปได้ค่ะ

       ในยุคพุทธกาล  ก็มีพระราชา  เจ้าชาย  และเศรษฐี  ที่มีทรัพย์มหาศาล  ออกบวชและปฏิบัติจนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์จำนวนมาก เช่น  พระภัททิยกาฬิโคธาบุตร (พระราชา),  พระอานนท์ (เจ้าชาย),   พระยสะ (ลูกเศรษฐี),  และพระโชติกะเถระ (มหาเศรษฐีระดับประเทศ)  เป็นต้น

       ที่วัดพระธรรมกายก็มีลูกเศรษฐีและคนรวยมาบวชอยู่หลายรูปเช่นกัน  แต่ละองค์ที่มาบวชก็ต้องฝึกฝนอบรมตนเพื่อขจัดกิเลสเหมือนกับพระภิกษุรูปอื่นๆ  ไม่ได้มีสิทธิพิเศษกว่าลูกชาวบ้าน

       เช่น  ต้องทำวัตรสวดมนต์  นั่งสมาธิตามเวลาที่กำหนด   ต้องจำวัดในกุฎิรวม  ไม่มีกุฏิส่วนตัว  ฉันภัตตาหารตามที่ทางวัดจัดให้  มีหน้าที่ช่วยทำงานพระศาสนา  และช่วยทำความสะอาดวัดเหมือนพระรูปอื่น ๆ

>>>  ไม่ว่าจะมีทรัพย์แค่ไหนก็ไม่ใช่อุปสรรคขัดขวางหนทางมรรคผลนิพพานเลยค่ะ



>>>  เพราะวัดธรรมกายสอนให้คิดแบบคนที่เป็นนายของทรัพย์  ไม่ใช่เป็นทาสของทรัพย์  

คือ ตัวเราต้องเป็นผู้กำหนดทิศทางในการใช้ทรัพย์  ต้องใช้ทรัพย์เพื่อการสร้างความดี  ใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างบารมี

***** แล้วพอถึงฝั่งพระนิพพาน  เราก็วางเครื่องมือนี้ลง  เหมือนอยู่ในน้ำก็ยังต้องอาศัยเรือ  แต่พอถึงฝั่งแล้ว ก็ไม่ต้องแบกเรือขึ้นไปด้วย *****


เรื่อง "รวย" นี่ดิฉันว่าไม่เห็นจะน่ากลัวเลย
แต่เรื่อง "จน" นี่ซิน่ากลัวมาก  

...หรือคุณว่าไม่จริง ?
====================

                                                 ขอบคุณข้อมูล ที่มา: ชุลีพร ช่วงรังษี
                                                                               13/5/59
หมายเหตุ: 
*** การตอบคำถามนี้  ดิฉันตอบในนามของตนเอง ในฐานะนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา  ไม่ใช่ในฐานะนักวิชาการ  และไม่ได้ตอบในนามของวัดพระธรรมกาย  ถ้าผิดพลาดประการใด  ดิฉันขอรับผิดชอบเองนะคะ  กรุณาอย่าพาดพิงถึงวัดหรือครูบาอาจารย์ของดิฉัน

*** หากต้องการติดตามเรื่องวัดพระธรรมกาย โพสต์ที่ 1 – 6 กรุณาเข้าไปอ่านที่
http://dhammakayafactsheet.blogspot.sg/2016/05/hot.html

*** ถ้าต้องการติดตามข้อคิดทั่วไป สามารถเข้าไปอ่านได้ที่
www.facebook.com/OhLifeStory
Line : @OhLifeStory
Instagram : Oh_Life_Story
ตอบชัดๆ ทำไมวัดพระธรรมกายสอนให้รวย ตอบชัดๆ ทำไมวัดพระธรรมกายสอนให้รวย Reviewed by Mali_Smile1978 on 05:09 Rating: 5

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.