ทำไม? ต้องหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน !!!
ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง หล่อคนอื่นไม่ได้หรือ ?
*** เพราะคุณยายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ควรบูชา ด้วยคุณธรรม คุณวิเศษและคุณูปการที่คุณยายได้ให้ไว้กับสังคมและพระศาสนา
คุณยายเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านเป็นผู้ที่สานต่อความปรารถนาของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ มายังหลวงพ่อธัมมชโย ผู้มีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะเผยแผ่ธรรมะ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทั่วโลก
ปี พ.ศ. 2513 เมื่อคุณยายอายุ 61 หลังจากที่หลวงพ่อธัมมชโยบวชแล้ว มีคนมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้านธรรมประสิทธิ์ไม่สามารถรองรับผู้มาปฏิบัติธรรมได้ทั้งหมด คุณยายจึงรวบรวมคณะศิษย์มาสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ ชื่อว่า ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระธรรมกาย จนถึงปัจจุบัน คุณยายละสังขารเมื่อ 10 กันยายน 2543 รวมศิริอายุได้ 92
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณยายได้ปลูกฝังหมู่คณะบุกเบิกสร้างวัด ให้รักบุญ รักการสร้างความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรักการปฏิบัติธรรมและหมั่นฝึกฝนตนเองให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง และได้ชี้ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องในการดำเนินชีวิต ปิดนรก เปิดสวรรค์ให้กับผู้คนมากมาย
ด้วยดวงใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าแกร่งกว่าเพชร ด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของคุณยายที่ได้วางกฎระเบียบต่างๆ ในการบริหารวัดช่วยปูพื้นฐานให้หมู่คณะเป็นปึกแผ่นและคอยให้กำลังใจแก่ศิษย์มาโดยตลอด ทำให้ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาเป็นวัดพระธรรมกายที่มีระบบระเบียบงดงามยิ่งเป็นศรีสง่าแห่งพระพุทธศาสนาและเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกทั้งหลาย
*** เพราะความกตัญญูที่มีต่อครูบาอาจารย์
จากคำกล่าวนี้ของพระเทพญาณมหามุนี จะเห็นว่า คุณยายมีคุณูปการอย่างสูงต่อวัดพระธรรมกาย และลูกหลานจำนวนนับล้านๆ ที่ต่างหลั่งไหลตามมาสร้างบุญสร้างบารมีจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน
ดังนั้น คณะศิษยานุศิษย์ทั่วโลกจึงน้อมบูชาธรรมท่านด้วยการหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายอาจารย์ฯ เมื่อหล่อเสร็จแล้วจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อาคาร 100 ปี คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง การหล่อรูปเหมือนท่านเป็นทองคำแท้ทั้งองค์เช่นนี้ เป็นการแสดงความกตัญญูอย่างสูงสุดที่เหล่าศิษยานุศิษย์มีต่อท่าน เพื่อหวังจะให้รูปหล่อนี้เป็นตัวแทนของท่าน ราวกับท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงข้อวัตรปฏิบัติและมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ของท่าน อีกทั้งยังเป็นการให้ลูกหลานที่จะตามมาในกาลภายหลัง ได้รับรู้ถึงคุณธรรม คุณวิเศษและดูท่านเป็นต้นบุญต้นแบบในการสร้างบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนเป็นทองคำแท้ ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ?
ช่วงนี้ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่เศรษฐกิจตกต่ำ เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำเช่นกัน หนำซ้ำยังมีภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล 7.5 ริกเตอร์ เมื่อเดือน เม.ย. ปีนี้ มหันตภัยแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นรุนแรง 7.3 ริกเตอร์ ที่เอกวาดอร์ 7.8 ซึ่งแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น กับเอกวาดอร์ครั้งนี้ นับเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และที่พม่า 6.9 ริกเตอร์ นำความเสียหายอันมหาศาลมาสู่ประเทศและประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หรือการที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง และที่ใกล้ตัวเราที่สุด ก็คือ การก่อการร้ายวางระเบิดที่สถานที่ราชการหรือที่ต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มายาวนานต่อเนื่อง ช่างน่าสลดสังเวช สิ่งนี้เป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่า บุญของคนในประเทศส่วนใหญ่ลดน้อยลง จึงทำให้มีแต่เรื่องแย่ ๆ จนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำขัดสนไปทุกหัวระแหง
ในเมื่อประเทศกำลังประสบภัยที่มีผลกระทบกับเราโดยตรง จะให้นิ่งนอนใจอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร !!!
และเมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ต้องมาศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่า ในครั้งที่เกิดภัยพิบัติทำนองนี้ เขาแก้ปัญหากันอย่างไร ?
ย้อนไปในยุคที่ชาวเมืองกรุงพาราณสีเกิด “ฉาตกภัย” คือ ภัยที่เกิดจากความแห้งแล้ง ฝนไม่ตก เกษตรกรไม่สามารถทำไร่ไถนาได้ เกิดภาวะอดอยากยากจนสัตว์เลี้ยงตลอดจนผู้คนจะล้มตาย เพราะขาดน้ำและอาหาร ในชาตินั้น เมณฑกเศรษฐี ได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีประจำเมือง แต่กำลังจะอดตายกันทั้งครอบครัว เพราะภัยนี้ด้วย แต่ในสภาวะที่กำลังจะอดตายนี้เอง ก็ได้ตัดสินใจถวายข้าวมื้อสุดท้ายของตัวเอง โดยคิดว่าจะยอมสละชีวิตเพื่อแลกกับการให้ทาน เพื่อถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ได้อธิษฐานว่า “ ขอให้อย่าได้ประสบฉาตกภัยในที่ ๆ ตนเองเกิดอีกเลย ตั้งแต่บัดนี้ไป ขอให้สามารถที่จะให้ภัตรแก่ชาวชมพูทวีปได้ทั้งหมด ข้าพเจ้าไม่พึงทำงานเลี้ยงชีพด้วยมือของตนเอง ในขณะที่ใช้ให้คนชำระฉาง ๑,๒๕๐ ฉาง และชำระร่างกายให้สะอาดแล้ว นั่งอยู่ที่ประตูฉางเหล่านั้น มองดูในเบื้องบนเท่านั้น ธารแห่งข้าวสาลีแดง พึงตกลงมาเต็มฉางทั้งหมด และผู้นี้จงเป็นภรรยา ผู้นี้จงเป็นบุตร ผู้นี้จงเป็นหญิงสะใภ้ และผู้นี้จงเป็นทาสของข้าพเจ้า ในสถานที่ ๆ ข้าพเจ้าเกิดแล้วเถิด”
ในยุคนั้น ถือว่าสาหัสยิ่งกว่าประเทศไทยในยุคนี้ แต่สุดท้ายผลบุญจากการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อถวายทานของท่านเศรษฐี ก็บันดาลให้เกิดผลบุญอัศจรรย์ คือจากหม้อข้าวที่ไม่มีข้าวเหลือเลย อยู่ ๆ ก็มีข้าวเพิ่มขึ้นเต็มหม้อ แถมตักเท่าไรก็ไม่พร่อง เพราะยังคงเพิ่มขึ้นเต็มหม้อทุกครั้งที่ตัก อีกทั้งยุ้งฉางที่ว่างเปล่า ก็กลับเต็มล้นไปด้วยข้าวเปลือกและพืชพันธุ์ธัญญาหารเหมือนเดิม ฝนฟ้าก็ตกให้ความชุ่มฉ่ำแก่คนทั้งเมือง และชาวเมืองเมื่อทราบข่าว ต่างก็หลั่งไหลมารับเอาอาหารและพันธุ์พืชจากบ้านของท่านเศรษฐี ทำให้ชาวชมพูทวีปทั้งหมดดำรงชีวิตอย่างมีความสุขตลอดชีวิต
จากเรื่องราวข้างต้นยืนยันให้เห็นว่า “วิกฤติเศรษฐกิจ ต้องแก้ด้วยบุญ” ดังนั้น การทำบุญในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราหมดบุญ เราก็จะอดอยากยากจน ฉะนั้นเราควรรีบหาบุญใหญ่ ที่ให้อานิสงส์มากทำ เพื่อจะได้มีกำลังบุญมากพอที่จะฝ่าวิกฤติชีวิตและเศรษฐกิจไปได้
การหล่อพระด้วย “ทองคำ” เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ?
การการสร้างและหล่อพระเป็นประเพณีตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เพื่อให้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ในกาลก่อน อย่างที่เห็นเด่นชัดในปัจจุบัน ก็คือ หลวงพ่อทองคำ ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ก เมื่อปี พ.ศ. 2534 ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 5.5 ตัน หรือ 5,500 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถือเป็นมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น การหล่อคุณยายอาจารย์ ซึ่งแม้ท่านจะไม่ใช่พระ แต่คุณยายอาจารย์ฯ ท่านเป็นนักบวช ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ จัดเป็นบุคคลที่ควรบูชายิ่งบุคคลหนึ่ง ท่านได้บุกเบิกสร้างวัด สร้างพระแท้ และสร้างคนดีให้เกิดขึ้นมากมาย การหล่อท่านด้วยทองคำขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง ซึ่งใช้ทองแค่ประมาณ 1 ตัน จึงถือเป็นเรื่องปกติของศิษยานุศิษย์ที่มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์
ทำไมนิยมนำ ทองคำ หรือรัตนชาติน้ำงาม ชั้นดี มาสร้างพระหรือเจดีย์ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ ?
เพราะรัตนชาติ และทองคำเป็นธาตุที่ทรงอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นธาตุที่ดึงดูดความสนใจของมนุษย์ได้ดี เนื่องจากสวยและมีมูลค่าสูง ขนาดสิ่งไม่ดีเขายังเอาทองคำแท้ ๆ มาทำเลย อย่างผู้เขียนเคยไปเห็นที่เกาะมาเก๊า เขายังทำไพ่เป็นทองคำ หรืออย่างเข้าไปในบ่อนคาสิโนแหล่งอบายมุขที่ลงทุนเป็นหมื่น ๆ ล้านบาทในมาเก๊า พื้นที่เราเหยียบย่ำ เขาก็ฝังทองคำแท้ ๆ ลงไปจำนวนมาก แล้วให้คนเดินเหยียบไปเหยียบมาเลย
ดังนั้น การหล่อพระ การสร้างเจดีย์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งดี ก็ควรทำให้สูงค่า น่าเคารพเลื่อมใสศรัทธา เพื่อดึงดูดให้คนมาสนใจเช่นกัน เพราะตั้งแต่พุทธกาลเขาก็ทำกันเช่นนี้ อย่างอดีตชาติของ พระมหากัจจายนะ ท่านก็ได้ถวาย แผ่นอิฐทองคำ ทำเป็นฐานเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรืออย่างโชติกเศรษฐี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในสมัยพุทธกาล อดีตชาติได้เอารัตนชาติมาประดับเสา บานประตู และกระเบื้องทั้งหมด เพื่อสร้างพระคันธกุฎีถวายพระบรมศาสดา หรือปัจจุบันที่เห็น ๆ กัน ก็คือ ยอดพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่มีเพชรแท้อยู่ 5,448 เม็ด มีทับทิม 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง และบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่ขนาด 76 กะรัต
ดังนั้น การนำทองคำมาหล่อคุณยายอาจารย์ฯ ซึ่งท่านเป็นบุคคลต้นบุญต้นแบบในการทำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดชีวิต และได้สร้างคุณูปการและความเจริญให้กับพระพุทธศาสนา จนมาถึงปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งสมควรอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์ที่พระเทพญาณมหามุนีและศิษยานุศิษย์ ได้มีก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงและกตัญญูบูชาธรรมคุณยายอาจารย์ฯ ได้แก่
หอฉัน เรียกโดยย่อว่า "หอฉันคุณยาย" รองรับพระภิกษุได้มากถึง 6,000 รูป โดยในแต่ละวัน จะมีสาธุชนมาร่วมกันถวายภัตตาหารและน้ำปานะแด่พระภิกษุสามเณร จำนวนกว่า 1,200 รูป ซึ่งประจำอยู่ ณ วัดพระธรรมกาย และยังใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระภิกษุสามเณรอาคันตุกะ และยังเป็นที่รวมของพระภิกษุสงฆ์เพื่อการสวดมนต์และการประชุม เป็นต้น
มหาวิหารคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ 2 ชั้น โดยที่ชั้นที่ 1 ได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับผลงานที่คุณยายฯ ได้สร้างและอุทิศไว้ในพระพุทธศาสนา และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของคุณยายฯ เพื่อบ่งบอกถึงความเรียบง่าย สมถะในการใช้ชีวิตของผู้ที่รักการปฏิบัติธรรม การเป็นผู้สอนธรรมะ และผู้สถาปนาวัดพระธรรมกาย ส่วนชั้นที่ 2 สร้างไว้สำหรับเป็นห้องปฏิบัติธรรม โดยมีรูปหล่อทองคำแท้ของอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ตั้งอยู่ ณ กลางห้องปฏิบัติธรรม
อาคารร้อยปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง เพื่อใช้เป็นอาคารสำนักงานใหญ่ของวัด เป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นห้องปฏิบัติธรรมของพุทธบริษัทสี่ขนาดใหญ่ เป็นห้องประชุมทางด้านวิชาการทางพระพุทธศาสนาระดับนานาชาติ โดยมีเจตจำนงให้เป็นฐานที่ตั้งด้านวิชาการในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลกและวิธีปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกายภายใน
อ้างอิงข้อมูล:
1. ร.ลิ่วเฉลิม เฉลิมวงศ์. วารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558, http://goo.gl/SwOqAC
2. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=28&p=10
3. ภัยพิบัติแผ่นดินไหว, http://www.thairath.co.th/content/607024
4. ภาพ https://goo.gl/fsBE29
*** เพราะคุณยายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ควรบูชา ด้วยคุณธรรม คุณวิเศษและคุณูปการที่คุณยายได้ให้ไว้กับสังคมและพระศาสนา
คุณยายเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ท่านเป็นผู้ที่สานต่อความปรารถนาของหลวงปู่วัดปากน้ำฯ มายังหลวงพ่อธัมมชโย ผู้มีปณิธานอันแน่วแน่ที่จะเผยแผ่ธรรมะ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปทั่วโลก
ปี พ.ศ. 2513 เมื่อคุณยายอายุ 61 หลังจากที่หลวงพ่อธัมมชโยบวชแล้ว มีคนมาปฏิบัติธรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว บ้านธรรมประสิทธิ์ไม่สามารถรองรับผู้มาปฏิบัติธรรมได้ทั้งหมด คุณยายจึงรวบรวมคณะศิษย์มาสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมแห่งใหม่ ชื่อว่า ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรม ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดพระธรรมกาย จนถึงปัจจุบัน คุณยายละสังขารเมื่อ 10 กันยายน 2543 รวมศิริอายุได้ 92
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา คุณยายได้ปลูกฝังหมู่คณะบุกเบิกสร้างวัด ให้รักบุญ รักการสร้างความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรักการปฏิบัติธรรมและหมั่นฝึกฝนตนเองให้เข้าถึงพระรัตนตรัยภายในอันเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง และได้ชี้ปลูกฝังสัมมาทิฏฐิ ความเห็นถูกต้องในการดำเนินชีวิต ปิดนรก เปิดสวรรค์ให้กับผู้คนมากมาย
ด้วยดวงใจที่เด็ดเดี่ยวกล้าแกร่งกว่าเพชร ด้วยปัญญาอันชาญฉลาดของคุณยายที่ได้วางกฎระเบียบต่างๆ ในการบริหารวัดช่วยปูพื้นฐานให้หมู่คณะเป็นปึกแผ่นและคอยให้กำลังใจแก่ศิษย์มาโดยตลอด ทำให้ศูนย์พุทธจักรปฏิบัติธรรมเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งมาเป็นวัดพระธรรมกายที่มีระบบระเบียบงดงามยิ่งเป็นศรีสง่าแห่งพระพุทธศาสนาและเป็นที่ตื่นตาตื่นใจแก่ชาวโลกทั้งหลาย
*** เพราะความกตัญญูที่มีต่อครูบาอาจารย์
ถ้าไม่มีคุณยาย ก็ไม่มีหลวงพ่อ
จากคำกล่าวนี้ของพระเทพญาณมหามุนี จะเห็นว่า คุณยายมีคุณูปการอย่างสูงต่อวัดพระธรรมกาย และลูกหลานจำนวนนับล้านๆ ที่ต่างหลั่งไหลตามมาสร้างบุญสร้างบารมีจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบัน
ดังนั้น คณะศิษยานุศิษย์ทั่วโลกจึงน้อมบูชาธรรมท่านด้วยการหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายอาจารย์ฯ เมื่อหล่อเสร็จแล้วจะอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ อาคาร 100 ปี คุณยายมหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง การหล่อรูปเหมือนท่านเป็นทองคำแท้ทั้งองค์เช่นนี้ เป็นการแสดงความกตัญญูอย่างสูงสุดที่เหล่าศิษยานุศิษย์มีต่อท่าน เพื่อหวังจะให้รูปหล่อนี้เป็นตัวแทนของท่าน ราวกับท่านยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงข้อวัตรปฏิบัติและมโนปณิธานอันยิ่งใหญ่ของท่าน อีกทั้งยังเป็นการให้ลูกหลานที่จะตามมาในกาลภายหลัง ได้รับรู้ถึงคุณธรรม คุณวิเศษและดูท่านเป็นต้นบุญต้นแบบในการสร้างบุญสร้างบารมีให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนเป็นทองคำแท้ ในเมื่อเศรษฐกิจไม่ดี ?
เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่คูมาโมโต้ เกาะคิวชู ประเทศญี่ปุ่น
ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/607024
|
เหตุการณ์ธรณีพิโรธขึ้นอีกที่ประเทศเอกวาดอร์ (ในทวีปอเมริกาใต้)
ความรุนแรงมากถึง 7.8 ซึ่งถือว่าแรงสุดในรอบหลายสิบปี
|
เหตุธรณีพิโรธพม่าขนาด 6.9 ศูนย์กลางอยู่ลึกใต้ดิน 135 กิโลเมตร
ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์
|
ช่วงนี้ไม่ใช่เฉพาะประเทศไทยที่เศรษฐกิจตกต่ำ เศรษฐกิจโลกก็ตกต่ำเช่นกัน หนำซ้ำยังมีภัยพิบัติเกิดขึ้นมากมาย ตั้งแต่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เนปาล 7.5 ริกเตอร์ เมื่อเดือน เม.ย. ปีนี้ มหันตภัยแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นรุนแรง 7.3 ริกเตอร์ ที่เอกวาดอร์ 7.8 ซึ่งแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น กับเอกวาดอร์ครั้งนี้ นับเป็นแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 40 ปี และที่พม่า 6.9 ริกเตอร์ นำความเสียหายอันมหาศาลมาสู่ประเทศและประชาชนเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก หรือการที่มนุษย์เข่นฆ่ากันเอง และที่ใกล้ตัวเราที่สุด ก็คือ การก่อการร้ายวางระเบิดที่สถานที่ราชการหรือที่ต่างๆ ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มายาวนานต่อเนื่อง ช่างน่าสลดสังเวช สิ่งนี้เป็นดัชนีชี้ให้เห็นว่า บุญของคนในประเทศส่วนใหญ่ลดน้อยลง จึงทำให้มีแต่เรื่องแย่ ๆ จนทำให้เศรษฐกิจตกต่ำขัดสนไปทุกหัวระแหง
ในเมื่อประเทศกำลังประสบภัยที่มีผลกระทบกับเราโดยตรง จะให้นิ่งนอนใจอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร !!!
และเมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธก็ต้องมาศึกษาเรื่องราวในพระไตรปิฎกว่า ในครั้งที่เกิดภัยพิบัติทำนองนี้ เขาแก้ปัญหากันอย่างไร ?
ย้อนไปในยุคที่ชาวเมืองกรุงพาราณสีเกิด “ฉาตกภัย” คือ ภัยที่เกิดจากความแห้งแล้ง ฝนไม่ตก เกษตรกรไม่สามารถทำไร่ไถนาได้ เกิดภาวะอดอยากยากจนสัตว์เลี้ยงตลอดจนผู้คนจะล้มตาย เพราะขาดน้ำและอาหาร ในชาตินั้น เมณฑกเศรษฐี ได้เกิดเป็นมหาเศรษฐีประจำเมือง แต่กำลังจะอดตายกันทั้งครอบครัว เพราะภัยนี้ด้วย แต่ในสภาวะที่กำลังจะอดตายนี้เอง ก็ได้ตัดสินใจถวายข้าวมื้อสุดท้ายของตัวเอง โดยคิดว่าจะยอมสละชีวิตเพื่อแลกกับการให้ทาน เพื่อถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า ซึ่งท่านก็ได้อธิษฐานว่า “ ขอให้อย่าได้ประสบฉาตกภัยในที่ ๆ ตนเองเกิดอีกเลย ตั้งแต่บัดนี้ไป ขอให้สามารถที่จะให้ภัตรแก่ชาวชมพูทวีปได้ทั้งหมด ข้าพเจ้าไม่พึงทำงานเลี้ยงชีพด้วยมือของตนเอง ในขณะที่ใช้ให้คนชำระฉาง ๑,๒๕๐ ฉาง และชำระร่างกายให้สะอาดแล้ว นั่งอยู่ที่ประตูฉางเหล่านั้น มองดูในเบื้องบนเท่านั้น ธารแห่งข้าวสาลีแดง พึงตกลงมาเต็มฉางทั้งหมด และผู้นี้จงเป็นภรรยา ผู้นี้จงเป็นบุตร ผู้นี้จงเป็นหญิงสะใภ้ และผู้นี้จงเป็นทาสของข้าพเจ้า ในสถานที่ ๆ ข้าพเจ้าเกิดแล้วเถิด”
ในยุคนั้น ถือว่าสาหัสยิ่งกว่าประเทศไทยในยุคนี้ แต่สุดท้ายผลบุญจากการเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อถวายทานของท่านเศรษฐี ก็บันดาลให้เกิดผลบุญอัศจรรย์ คือจากหม้อข้าวที่ไม่มีข้าวเหลือเลย อยู่ ๆ ก็มีข้าวเพิ่มขึ้นเต็มหม้อ แถมตักเท่าไรก็ไม่พร่อง เพราะยังคงเพิ่มขึ้นเต็มหม้อทุกครั้งที่ตัก อีกทั้งยุ้งฉางที่ว่างเปล่า ก็กลับเต็มล้นไปด้วยข้าวเปลือกและพืชพันธุ์ธัญญาหารเหมือนเดิม ฝนฟ้าก็ตกให้ความชุ่มฉ่ำแก่คนทั้งเมือง และชาวเมืองเมื่อทราบข่าว ต่างก็หลั่งไหลมารับเอาอาหารและพันธุ์พืชจากบ้านของท่านเศรษฐี ทำให้ชาวชมพูทวีปทั้งหมดดำรงชีวิตอย่างมีความสุขตลอดชีวิต
จากเรื่องราวข้างต้นยืนยันให้เห็นว่า “วิกฤติเศรษฐกิจ ต้องแก้ด้วยบุญ” ดังนั้น การทำบุญในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ จึงควรทำอย่างยิ่ง เพราะถ้าเราหมดบุญ เราก็จะอดอยากยากจน ฉะนั้นเราควรรีบหาบุญใหญ่ ที่ให้อานิสงส์มากทำ เพื่อจะได้มีกำลังบุญมากพอที่จะฝ่าวิกฤติชีวิตและเศรษฐกิจไปได้
การหล่อพระด้วย “ทองคำ” เป็นเรื่องปกติหรือไม่ ?
พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร |
การการสร้างและหล่อพระเป็นประเพณีตั้งแต่ครั้งโบราณกาล เพื่อให้เป็นเครื่องตรึกระลึกนึกถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ในกาลก่อน อย่างที่เห็นเด่นชัดในปัจจุบัน ก็คือ หลวงพ่อทองคำ ณ วัดไตรมิตรวิทยาราม ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามพระพุทธรูปทองคำองค์นี้ว่า “พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ที่ได้รับการบันทึกไว้ในกินเนสบุ๊ก เมื่อปี พ.ศ. 2534 ว่าเป็นพระพุทธรูปทองคำแท้ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก หนัก 5.5 ตัน หรือ 5,500 กิโลกรัม เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถือเป็นมรดกทางอารยธรรมล้ำค่ายิ่งของพระพุทธศาสนาที่เป็นศูนย์รวมใจของชาวไทยจนถึงทุกวันนี้
ดังนั้น การหล่อคุณยายอาจารย์ ซึ่งแม้ท่านจะไม่ใช่พระ แต่คุณยายอาจารย์ฯ ท่านเป็นนักบวช ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ จัดเป็นบุคคลที่ควรบูชายิ่งบุคคลหนึ่ง ท่านได้บุกเบิกสร้างวัด สร้างพระแท้ และสร้างคนดีให้เกิดขึ้นมากมาย การหล่อท่านด้วยทองคำขนาดเท่าครึ่งขององค์จริง ซึ่งใช้ทองแค่ประมาณ 1 ตัน จึงถือเป็นเรื่องปกติของศิษยานุศิษย์ที่มีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์
ทำไมนิยมนำ ทองคำ หรือรัตนชาติน้ำงาม ชั้นดี มาสร้างพระหรือเจดีย์ ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ ?
ไพ่ทองคำ ที่เกาะมาเก๊า |
พื้นทองคำ ที่เกาะมาเก๊า |
เพราะรัตนชาติ และทองคำเป็นธาตุที่ทรงอิทธิพลต่อมนุษย์ เป็นธาตุที่ดึงดูดความสนใจของมนุษย์ได้ดี เนื่องจากสวยและมีมูลค่าสูง ขนาดสิ่งไม่ดีเขายังเอาทองคำแท้ ๆ มาทำเลย อย่างผู้เขียนเคยไปเห็นที่เกาะมาเก๊า เขายังทำไพ่เป็นทองคำ หรืออย่างเข้าไปในบ่อนคาสิโนแหล่งอบายมุขที่ลงทุนเป็นหมื่น ๆ ล้านบาทในมาเก๊า พื้นที่เราเหยียบย่ำ เขาก็ฝังทองคำแท้ ๆ ลงไปจำนวนมาก แล้วให้คนเดินเหยียบไปเหยียบมาเลย
เจดีย์ชเวดากอง |
เพชรบนเจดีย์ชเวดากอง |
ดังนั้น การหล่อพระ การสร้างเจดีย์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งดี ก็ควรทำให้สูงค่า น่าเคารพเลื่อมใสศรัทธา เพื่อดึงดูดให้คนมาสนใจเช่นกัน เพราะตั้งแต่พุทธกาลเขาก็ทำกันเช่นนี้ อย่างอดีตชาติของ พระมหากัจจายนะ ท่านก็ได้ถวาย แผ่นอิฐทองคำ ทำเป็นฐานเจดีย์เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ หรืออย่างโชติกเศรษฐี ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในสมัยพุทธกาล อดีตชาติได้เอารัตนชาติมาประดับเสา บานประตู และกระเบื้องทั้งหมด เพื่อสร้างพระคันธกุฎีถวายพระบรมศาสดา หรือปัจจุบันที่เห็น ๆ กัน ก็คือ ยอดพระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง ที่มีเพชรแท้อยู่ 5,448 เม็ด มีทับทิม 2,317 เม็ด มีมรกตเม็ดใหญ่อยู่ตรงกลาง และบนสุดมีเพชรเม็ดใหญ่ขนาด 76 กะรัต
รูปหล่อทองคำแท้ คุณยายอาจารย์มหารัตน อุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง |
ดังนั้น การนำทองคำมาหล่อคุณยายอาจารย์ฯ ซึ่งท่านเป็นบุคคลต้นบุญต้นแบบในการทำความดีอย่างเอาชีวิตเป็นเดิมพันมาตลอดชีวิต และได้สร้างคุณูปการและความเจริญให้กับพระพุทธศาสนา จนมาถึงปัจจุบัน จึงเป็นสิ่งสมควรอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ยังมีอนุสรณ์ที่พระเทพญาณมหามุนีและศิษยานุศิษย์ ได้มีก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องระลึกถึงและกตัญญูบูชาธรรมคุณยายอาจารย์ฯ ได้แก่
หอฉันคุณยาย |
สาธุชนหลั่งไหลเข้าวัดมาสั่งสมบุญ ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่หอฉันคุณยาย |
หอฉัน เรียกโดยย่อว่า "หอฉันคุณยาย" รองรับพระภิกษุได้มากถึง 6,000 รูป โดยในแต่ละวัน จะมีสาธุชนมาร่วมกันถวายภัตตาหารและน้ำปานะแด่พระภิกษุสามเณร จำนวนกว่า 1,200 รูป ซึ่งประจำอยู่ ณ วัดพระธรรมกาย และยังใช้เป็นสถานที่ต้อนรับพระภิกษุสามเณรอาคันตุกะ และยังเป็นที่รวมของพระภิกษุสงฆ์เพื่อการสวดมนต์และการประชุม เป็นต้น
มหาวิหารคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง |
มหาวิหารคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ 2 ชั้น โดยที่ชั้นที่ 1 ได้จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับผลงานที่คุณยายฯ ได้สร้างและอุทิศไว้ในพระพุทธศาสนา และจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวของคุณยายฯ เพื่อบ่งบอกถึงความเรียบง่าย สมถะในการใช้ชีวิตของผู้ที่รักการปฏิบัติธรรม การเป็นผู้สอนธรรมะ และผู้สถาปนาวัดพระธรรมกาย ส่วนชั้นที่ 2 สร้างไว้สำหรับเป็นห้องปฏิบัติธรรม โดยมีรูปหล่อทองคำแท้ของอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ตั้งอยู่ ณ กลางห้องปฏิบัติธรรม
อาคารร้อยปี คุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง |
อ้างอิงข้อมูล:
1. ร.ลิ่วเฉลิม เฉลิมวงศ์. วารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2558, http://goo.gl/SwOqAC
2. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=28&p=10
3. ภัยพิบัติแผ่นดินไหว, http://www.thairath.co.th/content/607024
4. ภาพ https://goo.gl/fsBE29
ทำไม? ต้องหล่อรูปเหมือนทองคำคุณยายอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อน !!!
Reviewed by Mali_Smile1978
on
07:13
Rating:
กราบถวายกำลังใจแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูงเจ้าค่ะ
ตอบลบ