เคลียร์ชัด คัต ประเด็น Hot วัดพระธรรมกาย

โบสถ์ วัดพระธรรมกาย

Hot ที่ 1 
คุณคิดว่า  ถ้าคบใครมานานกว่า 30 ปี  แบบไปมาหาสู่กันตลอด  ไม่ใช่แค่รู้จักกันอย่างฉาบฉวย 

คุณจะรู้จักนิสัยใจคอเขาดีไหม ? 

คุณจะรู้ไหมว่าเขาเป็นคนดีหรือไม่ดี ?

แล้วถ้าคุณพิสูจน์แล้วว่าคนนั้นเป็นคนดีจริง  

แต่มีใครก็ไม่รู้  มาบอกว่า  คนที่คุณรู้จักนั้น “เลว” “จอมปลอม” “หลอกลวง”  คุณจะเชื่อไหม ?

     สำหรับดิฉัน  ย่อมเชื่อสิ่งที่เห็นด้วยตาตนเอง  และสิ่งที่สัมผัสจากประสบการณ์ตรง  มากกว่าคำบอกเล่าจากคนอื่น
แล้วพอคุณไม่เชื่อคำใส่ร้ายนั้น  คนที่พยายามเป่าหูคุณ  เขาก็บอกว่าคุณ “โง่งมงาย”  “หลงเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา” 

คุณจะรู้สึกอย่างไรคะ ?
ข้อนี้ขอไม่ตอบ  ให้คุณคิดเอาเองว่า  ดิฉันควรจะรู้สึกอย่างไรกับคนพูด...สงสาร สมเพท เวทนา โกรธ พูดไม่ออก ปลง ฯลฯ


*******
คำถามเหล่านี้เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในชีวิตของดิฉันค่ะ


โครงการอบรมธรรมยาทหญิง รักษาศีล 8 นั่งสมาธิและศึกษาธรรมะเพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน
ระยะโครงการ 5 สัปดาห์

      ดิฉันเริ่มเข้าวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เดือนเมษายน พ.ศ.2528  และไปปฏิบัติธรรมที่วัดนี้อย่างต่อเนื่องแทบทุกสัปดาห์ เป็นเวลานานถึง  31  ปี  สมัยยังเรียนหนังสือ ช่วงสุดสัปดาห์ก็แบกกลดไปอยู่ธุดงค์ที่วัด  (สมัยก่อน  ต้องไปปักกลดกลางทุ่ง  นอนกับพื้นดิน  นั่งสมาธิในเต็นท์  ตอนกลางวันร้อน  ตอนกลางคืนยุงชุม  ไม่สบายเหมือนปัจจุบันนะคะ)

     ช่วงปิดเทอมก็ไปเข้าอบรมในโครงการธรรมทายาทหญิง อยู่ที่วัดเป็นเดือน ช่วงไหนที่วัดมีงานให้ช่วย  ก็ไปพักค้างที่วัดเลย แม้ช่วงที่ไปศึกษาต่อในประเทศสหรัฐอเมริกา  ดิฉันก็ยังไปปฏิบัติธรรมที่ศูนย์สาขาในลอสแองเจลิส ซึ่งอยู่ใกล้เมืองที่เรียน แล้วดิฉันไม่ได้รู้จักวัดพระธรรมกายแค่ในฐานะญาติโยม  ที่ไปทำบุญแบบเช้าไปเย็นกลับนะคะ  แต่รู้จักวัดนี้ในฐานะคนที่ช่วยงานวัด แต่เป็นการช่วยงานแบบการกุศลนะคะ ไม่ได้รับเงินจากวัด  มีแต่จะทำบุญให้วัด 

      ที่นั่งเขียนอยู่นี่ วัดก็ไม่ได้จ้างสักบาท ไม่มีใครใช้หรือขอร้องให้เขียนด้วย อยากเขียนเอง อยากอธิบายให้คนอื่นเข้าใจความจริงค่ะ ถ้าเทียบกับพนักงานตามองค์กรต่าง ๆ  ดิฉันก็รู้จักวัดพระธรรมกายเหมือนอย่างที่พนักงานรู้จักบริษัท  ไม่ใช่แค่รู้จักในฐานะลูกค้าหรือผู้มาติดต่อ

      ดิฉันทำแบบนี้อย่างต่อเนื่อง เป็นเวลานานถึง  31  ปี  คุณคิดว่าดิฉันจะรู้จักวัดพระธรรมกาย และหลวงพ่อธัมมชโย ผู้เป็นเจ้าอาวาส  ดีพอไหมคะ ?

                  ************************************
สาธุชนหลั่งไหลเข้าวัดเพื่อนั่งสมาธิปฎิบัติธรรม ศาลาจาตุมหาราชิกา
เป็นศาลาหลังแรกของวัดพระธรรมกาย จุได้ 500 คน

Hot ที่ 2 
ถาม :  ถูกวัดพระธรรมกายหลอกล้างสมองหรือเปล่า  ถึงได้เชื่อเหลือเกิน ?

ตอบ :  อยากถามกลับมากเลยว่า  ใช้เทคนิคอะไรมาหลอกล้างสมองคนให้เชื่อนับแสนนับล้านได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสิบปี  จะได้เอาไปใช้บ้าง  แล้วจะขอใช้กับคนถามนี่ก่อนเลย  จะได้เลิกถามสักที

     ในโลกนี้จะมีคนโง่ให้คนอื่นล้างสมองได้เยอะขนาดนี้เชียวเหรอคะ วัดพระธรรมกายสร้างในปี พ.ศ. 2513  นับอายุถึงปัจจุบันก็ 46 ปี  ถ้าหลอกลวง หรือไม่ดีจริง  ไม่กี่ปีก็ต้องออกลายมาให้เห็นบ้างละค่ะ แล้วคนก็คงร่อยหรอลงไปทุกวัน http://www.xn--12c9b1afca1i.com/

แต่นี่กลับตาลปัตรเลย  ยิ่งวันคนก็ยิ่งศรัทธาวัดและหลวงพ่อธัมมชโยมากขึ้นเรื่อยๆ 

ถ้าวัดและหลวงพ่อไม่ดีจริง  ไปวัดไม่กี่ปีก็ต้องรู้แล้ว  ดิฉันคงไม่ยอมให้ถูกหลอกอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานถึง 30 กว่าปีหรอกค่ะ  แล้วดิฉันก็มั่นใจว่าตนเองคิดเป็น  ถ้าเห็นว่าไม่ดี  ว่าหลอกลวง  ก็ต้องถอนตัวไปนานแล้ว และไม่ถอนตัวเปล่าด้วย  ดิฉันจะเป็นคนแรก ๆ ที่ออกมาเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลให้สังคมรับรู้ด้วย  อาจเป็นคนแรก ๆ ที่ยื่นฟ้องด้วยซ้ำ

ถาม :  ไปแต่วัดพระธรรมกาย  ไม่ลองไปศึกษาที่อื่นดูบ้างล่ะ

ตอบ :  ที่อื่นก็เคยไปค่ะ  ไปหลายที่ด้วย  แต่ถูกจริตกับวัดพระธรรมกายมากที่สุด  ปฏิบัติธรรมที่นี่แล้วได้ผลดี   ก็เลยไปที่นี่เป็นหลักค่ะ  แต่กับวัดอื่นก็ทำบุญด้วยนะคะ เพราะหลวงพ่อธัมมชโยสอนให้ดูแลวัดใกล้บ้านด้วย


************************************


ศาสนสถานในวัดพระธรรมกาย วัตถุประสงค์เพื่อสร้างพระแท้ สร้างคนดีที่โลกต้องการ และเพื่อฟื้นฟูศีลธรรมโลก 

Hot ที่ 3 
ถาม :  ไม่ชอบวัดพระธรรมกาย  วัตถุนิยม

ตอบ :  เอาอะไรมาวัดว่า “วัตถุนิยม”  คะ  

ถ้าสร้างใหญ่แล้วใช้งานคุ้มค่า  เราคงเรียกว่าวัตถุนิยมไม่ได้หรอกค่ะ
     ที่เห็นวัดพระธรรมกายมีอาคารสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมากมายนี่  ไม่ได้สร้างไว้เก๋ๆ ให้ได้ชื่อว่าวัดใหญ่ที่สุดนะคะ  แต่สร้างตามวัตถุประสงค์การใช้งานค่ะ

     เดิมทีวัดก็ไม่ได้ใหญ่โตขนาดนี้หรอกค่ะ มีเนื้อที่ 196 ไร่  มีอาคารอยู่ไม่กี่หลัง  แต่คนไปวัดแล้วชอบคำสอนที่นี่  ก็เลยไปต่อเนื่อง  แล้วก็ชวนลูกหลานญาติมิตรไปด้วย  จำนวนคนไปวัดเลยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

     ตอนที่ดิฉันไปวัดใหม่ ๆ นี่ ทางวัดยังใช้พื้นที่ 196 ไร่จัดพิธีอยู่เลย  แต่คนก็เริ่มแน่นวัดแล้ว วันไหนไปสายหน่อยจะไม่มีที่นั่งบนศาลา  ต้องไปนั่งโคนไม้ จำได้ว่าวันวิสาขบูชา ปี 2528 ที่ไปวัด  รู้สึกเกือบจะไม่มีที่นั่ง  คนแน่นมาก  แล้วคนก็เพิ่มมากขึ้นทุกที   จนทางวัดต้องเอาเต็นท์มากางให้คนนั่ง

     แต่มีอยู่ปีหนึ่ง  ฝนตกหนักมาก  พื้นที่นั่งในเต็นท์ที่ทางวัดเตรียมไว้ถูกน้ำท่วม  นั่งไม่ได้  จากที่มีกำหนดการจะจัดงานเต็มวัน  ต้องย่อลงเหลือครึ่งวัน หลังจากนั้น  หลวงพ่อก็ปรึกษาญาติโยมว่า  เราควรสร้างอาคารสถานที่เพื่อรองรับคนเพิ่มขึ้นไหม ถ้าไม่สร้าง  คนที่มาภายหลังก็จะมาไม่ได้  เพราะไม่มีที่รองรับ

     คิดดูซิคะ  ใครจะใจร้าย  บอกว่า  หลวงพ่ออย่าสร้างเลย  เราปฏิบัติธรรมกันแค่นี้ก็พอ  ใครมาแล้วไม่มีที่นั่ง  ก็ช่างเขาเป็นไรล่ะ

     แต่ขนาดสร้างใหญ่ ๆ  แบบนี้  คนยังแน่นวัดเลยค่ะ  เวลามีงานบุญสำคัญ ๆ ทีนึงคนมาหลายแสน  ก็แทบจะไม่พอเหมือนกัน


กิจกรรมวันรวมพลังเด็กดีวีสตาร์จากเยาวชนทั่วประเทศ นั่งสมาธิที่ลานธรรม วัดพระธรรมกาย
ถือเป็นโรงเรียนสอนศีลธรรมกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

--->  วัดพระธรรมกายมองว่าวัดเป็นโรงเรียนสอนศีลธรรม  แล้วศาสนสถานในวัดก็เหมือนอาคารเรียน  

ถ้าโรงเรียนไหนมีนักเรียนเยอะ ก็ควรมีอาคารเรียนใหญ่พอที่จะรองรับนักเรียนทั้งหมดให้ได้

การที่เราจะตัดสินว่า “วัตถุนิยม” จากขนาดของอาคารเพียงมิติเดียวไม่ได้หรอกค่ะ มันต้องมองการใช้งานด้วย ว่าใช้อย่างคุ้มค่าไหม

     อย่างที่วัดพระธรรมกาย  มีคนไปปฏิบัติธรรมปีละหลายล้านคน  คุณคิดว่าสถานที่ 2,000 ไร่  ใหญ่ไปเหรอคะ  

ลองคำนวณแล้ว  ใช้พื้นที่คนละไม่ถึงตารางวาเลยค่ะ คุ้มค่าไหมคะ

(1ไร่มี  400 ตารางวา ; 2,000 ไร่ x 400 ตรว. = 800,000 ตรว.)

บ้านที่คุณอยู่  ยังใช้พื้นที่ไม่คุ้มค่าเท่านี้เลยค่ะ  สมมุติว่าอยู่ทาวน์เฮ้าส์ 20 ตรว.  อยู่  4  คน  ยังตกคนละ  5 ตรว. เลยค่ะ  แล้วถ้าบ้านใหญ่กว่า  20  ตรว. ก็ยิ่งมีพื้นที่ต่อคนกว้างกว่านี้อีก

--->  ทีนี้บางคนถามต่อละซิคะ ว่าแล้วทำไมต้องชวนคนเข้าวัดเยอะๆ ด้วยล่ะ  ยิ่งชวนเยอะ  ยิ่งต้องสร้างใหญ่

เรื่องนี้ดิฉันอยากให้คุณลองคิดดูนะคะ
     สมมุติ  คุณว่ายน้ำอยู่กลางทะเล  เหนื่อยเต็มที  กำลังจะจม  แล้วมีเรือลำหนึ่งผ่านมา  รับคุณขึ้นเรือทันเวลาพอดี  คุณรอดตายแล้ว เรือแล่นไปอีก  เจอคนที่กำลังจะจมน้ำอีก  เจ้าของเรือบอก มาช่วยกันขยายเรือเถอะ จะได้รับคนเพิ่มได้อีก แต่คุณบอกเจ้าของเรือว่า  อย่าขยายเรือเลย  ไม่ต้องรับใครเพิ่มแล้ว  เราไปกันแค่นี้ก็พอ  ปล่อยให้พวกเขาเป็นไปตามยถากรรมเถอะ

     การคิดแบบนี้ก็เหมือนกับบอกว่า  ไม่ต้องชวนคนมาวัดเพิ่มแล้ว  ปล่อยให้เขาหาทางออกเอาเองเถอะ  ปล่อยเขาไปหาทางแก้ปัญหาทางใจด้วยตนเอง  ตามยถากรรมของเขาเถอะ  เราอย่าไปทำอะไรเยอะแยะ  ต้องรู้จักพอบ้าง

                       ************************************

กิจกรรมวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา สาธุชนหลั่งไหลเข้าวัดสั่งสมบุญด้วยการ ทำทาน รักษาศีล และนั่งสมาธิ

Hot ที่ 4
ถาม :  วัดพระธรรมกายสร้างใหญ่ใช้เงินเยอะ  ขัดกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ให้สมถะ สันโดษ

ตอบ :  เรื่องนี้ขอแยกตอบ 2 ประเด็น คือ เรื่องขนาดของวัด และเรื่องความสมถะสันโดษ

--->  ประเด็นเรื่องขนาดของวัด
     ถ้าบอกว่าการสร้างวัดใหญ่ใช้เงินเยอะขัดกับคำสอน ก็ต้องย้อนกลับไปดูว่ายุคพุทธกาลเขาสร้างวัดกันอย่างไร 

     ในยุคพุทธกาล  วัดแต่ละวัดก็ไม่ใช่เล็กๆ นะคะ 
     วัดเวฬุวัน ในกรุงราชคฤห์ วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสารถวาย ก็จุคนได้เป็นแสน

     วัดเชตวัน ในกรุงสาวัตถี ที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย ก็ใหญ่โตสวยงามมาก ใช้เงินสร้างไป 54 โกฏิ หรือ 540 ล้านกหาปณะ ซึ่งเท่ากับหลายหมื่นล้านบาท หรืออาจถึงแสนล้านบาท ในปัจจุบัน 

     โดยค่าใช้จ่าย 54 โกฏิ ของวัดเชตวัน แบ่งเป็น ค่าที่ดิน 18 โกฏิ ค่าก่อสร้างตกแต่งอาคารสถานที่ 18 โกฏิ ค่าจัดงานฉลองและกิจการอื่นอีก 18 โกฏิ 

     ส่วนวัดบุพพาราม ในกรุงสาวัตถี  ซึ่งนางวิสาขาสร้างถวาย เป็นโลหะปราสาท ใหญ่โต สวยงามประณีต ใช้เงินเป็นหมื่นๆล้านบาทเช่นกัน แล้ววัดนี้ พระพุทธองค์ทรงมอบหมายให้พระโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นอัครสาวกเบื้องซ้ายไปช่วยดูแลการก่อสร้างเองเลยด้วย

     แสดงว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ทรางห้ามสร้างวัดใหญ่เลยนะคะ เพราะถ้าสร้างวัดใหญ่ๆ แล้วใช้ประโยชน์จริง สามารถรองรับคนปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมากได้ ก็ย่อมเป็นประโยชน์ต่อคนในสังคมและประเทศชาตินั่นเอง 

     แล้วในที่สุดวัดก็ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน ไม่ใช่ของพระหรือญาติโยมผู้บริจาค

    ดังนั้นประเด็นเรื่องขนาดของวัด ตกไปได้เลยค่ะ

    นอกจากนั้น อยากให้ดูค่าจัดงานฉลองของเชตวันมหาวิหารด้วยว่า ตั้งงบไว้สูงถึง 18 โกฏิ ใช้เวลาฉลองอยู่ 9 เดือน แสดงว่างานฉลองนี่อภิมหาอลังการงานสร้างแน่นอน

    นี่หมายความว่า  นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะไม่ทรงห้ามสร้างวัดใหญ่แล้ว  ยังไม่ทรงห้ามจัดพิธีกรรมงานบุญใหญ่โตด้วยนะคะ
    ถ้าคราวหน้าเห็นวัดพระธรรมกายจัดงานใหญ่ก็อย่าว่ากันนะคะ

--->  ประเด็นเรื่องความสมถะสันโดษ


ชีวิตสมณะ ฝึกตนทนหิวบำเพ็ญตบะ เพื่อถากถางหนทางไปพระนิพพาน

     พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญความสันโดษ  โดยให้รู้จักพอ รู้จักประมาณ ในการดำรงชีพ แต่พอดูจากเรื่องขนาดของวัดแล้ว  เห็นได้ชัดเลยว่าพระองค์ทรงสนับสนุนให้สร้างวัดใหญ่ได้ให้จัดกิจกรรมทางศาสนาใหญ่ ๆ ได้  ไม่ได้มีข้อกำหนดให้ทำแต่เล็ก ๆ

     แสดงว่าในเรื่องการเผยแผ่ศาสนาแล้ว พระพุทธองค์ท่านให้ทำเต็มที่  แต่ให้รู้ประมาณในเรื่องส่วนตัว ซึ่งเรื่องนี้ตรงกับสิ่งที่หลวงพ่อธัมมชโยและพระภิกษุวัดพระธรรมกายปฏิบัติเป๊ะเลยค่ะ

     คือ สิ่งที่สร้างหรือลงทุนเพื่อการปฏิบัติธรรมของญาติโยมนั้น สร้างใหญ่ ลงทุนมากกว่าที่บุคคลากรในวัดอยู่เอง 

     เรียกว่าอะไรที่เป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์แล้ว ใช้งบเยอะได้ แต่ก็ใช้แบบให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าที่สุด

     ส่วนความเป็นอยู่ของคนในวัดเอง  ให้เป็นไปอย่างประหยัดและเรียบง่ายที่สุด  



     โดยหลวงพ่อธัมมชโยเป็นต้นแบบในเรื่องความประหยัดและสมถะเลยค่ะ 

     กุฏิที่ท่านจำวัดก็เรียบง่าย  พื้นปูด้วยเสื่อน้ำมัน ของใช้ก็มีแค่เตียงเล็กๆ และโต๊ะเขียนหนังสือ 
( ส่วนภาพที่ส่งต่อกันว่าหลวงพ่อมีกุฏิหรูหรานั่นไม่จริงค่ะ ถูกผู้หวังร้ายใส่ความค่ะ บางภาพเป็นโบสถ์ของวัดสาขาในอังกฤษ บางภาพไปเอารูปโรงแรมที่ไหนไม่รู้มาใส่ มั่วจริงๆ )

     แล้วท่านใช้ของทนุถนอมและประหยัดมากเลยค่ะ  ดินสอที่ใช้จนสั้นจับไม่ถนัดแล้ว  ท่านก็ไม่ทิ้ง  แต่เก็บรวมไว้  แล้วเอาเทปกาวพันต่อกันให้ยาว  ใช้เขียนได้อีก  ผ้ารัดประคดเอวของท่านก็เพิ่งเปลี่ยนเป็นเส้นที่สอง นับตั้งแต่บวชมา 47 พรรษา

     หลวงพ่อเป็นต้นแบบของการใช้ชีวิตอย่างประหยัดเรียบง่าย  ท่านจึงสอนให้พระภิกษุสามเณรที่เป็นลูกวัด ให้ประหยัดตามท่านได้



     ไปดูความเป็นอยู่ของพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกาในวัดซิคะ  เรียบง่ายมาก

     ห้องพัก 1 ห้อง  นอนกันเป็นสิบคนเลย  เป็นห้องโล่ง ๆ ไม่มีการกั้นพื้นที่ส่วนตัวใดๆ ทั้งสิ้น

     ถ้าเจ้าอาวาสฟุ่มเฟือยให้ดู  รับรองลูกวัดไม่ยอมอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้หรอกค่ะ

     ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าไม่สมถะสันโดษก็ตกไปนะคะ

                           ******************

ถาม :  ไม่ชอบทำบุญกับวัดใหญ่อย่างวัดพระธรรมกาย  ชอบทำบุญกับวัดเล็ก ๆ จน ๆ มากกว่า

ตอบ :  คนเรามีจริตต่างกัน  ใครชอบแบบไหน  ทำบุญที่ไหนแล้วสบายใจ  ศรัทธาวัดไหน ก็ควรไปที่นั่นค่ะ  

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังตรัสไว้เลยว่า  เหตุอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใสศรัทธา มี 4 ประการ ได้แก่

1. รูปปฺปมาณ เลื่อมใสศรัทธาเพราะเห็นรูปสมบัติสวยงาม

2. ลูขปฺปมาณ เลื่อมใสศรัทธาเพราะเห็นความประพฤติเรียบร้อยเคร่งในธรรมวินัย

3. โฆสฺปปมาณ เลื่อมใสศรัทธาเพราะได้ฟังเสียงอันไพเราะ

4. ธมฺมปฺปมาณ เลื่อมใสศรัทธาเพราะได้สดับฟังธรรมของผู้ที่ฉลาดในการแสดง

     เพราะมีเหตุแห่งศรัทธาต่างกันเช่นนี้นี่เอง บางคนจึงชอบไปวัดที่ใหญ่โตสวยงามที่ในเมือง  แต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง กลับชอบวัดเล็กๆ ที่ชนบทห่างไกล  

     ซึ่งใครจะชอบอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด  พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ทรงระบุว่า แบบใดดีกว่ากัน  เพราะถ้าศรัทธาแล้วดีทั้งนั้น ใครจะชอบวัดแบบไหน  ก็ให้ไปทำบุญวัดแบบนั้น  แต่อย่ามาข่มกัน  ว่าวัดที่ฉันชอบดีกว่าวัดที่เธอชอบ   หรือวัดฉันเคร่งกว่าวัดเธอ 

                             *************************




Hot ที่ 5
ถาม :  วัดพระธรรมกายสอนผิด  บิดเบือนพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  

ตอบ :  ใครจะกล้าบิดเบือนพระธรรมวินัยของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคะ ในเมื่อพระธรรมวินัยมีอยู่ในพระไตรปิฎกอยู่แล้ว  ใครๆ ก็ไปตรวจสอบได้  หากบิดเบือนก็ถูกจับได้ทันทีละซิ

     ถ้าต้องการพิสูจน์ว่าวัดพระธรรมกายสอนตรงตามพระธรรมวินัยหรือไม่ ขอท้าให้ลองเปิดพระไตรปิฎกเปรียบเทียบ หน้าต่อหน้ากันเลยดีกว่า อย่ากล่าวหากันลอยๆ

      ที่วัดพระธรรมกายมี ปธ.๙ เยอะ (เยอะที่สุดในประเทศไทยด้วยค่ะ)  ดิฉันจะกราบขอร้องให้ท่านเปิดพระไตรปิฎกเทียบดูให้นะคะ  ถ้าใครอยากพิสูจน์ ก็เชิญ

      บางคนอาจแย้งว่า มีพระนักวิชาการที่มีชื่อเสียงในประเทศไทยบางท่าน  บอกที่นี่สอนผิดเรื่องนิพพานเป็นอัตตา

      ดิฉันอยากจะบอกว่า อย่าเถียงกันให้เสียเวลาเลยค่ะ  เถียงเท่าไหร่ก็ไม่จบ 

      ขนาดนักวิชาการทางด้านพระพุทธศาสนาที่มีชื่อเสียงระดับโลก เขาก็ยังเห็นเป็น 2 ฝ่ายเลยค่ะ และต่างฝ่ายต่างก็มีหลักฐานสนับสนุนคำตอบของตนเป็นตั้ง ๆ เลย

     แล้วดิฉันก็คิดว่า เราควรสนใจวิธีการขจัดกิเลสจนไปนิพพานได้ให้มากกว่าประเด็นเรื่องนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา  เพราะเมื่อไหร่บรรลุ เราก็จะรู้เองนั่นแหละ จะมาถียงกันให้เสียเวลาทำไมก็ไม่รู้
     อ้อ ถ้าเมื่อไหร่ดิฉันปฏิบัติจนไปนิพพานได้ อาจจะกลับมาบอกนะคะ

--->  อีกเรื่องหนึ่งที่อยากให้คิด คือ ไม่ว่าจะเรียนรู้อะไรก็ตาม  เราควรวัดผลกันที่การนำมาใช้  ว่าได้ผลดีกับชีวิตประจำวันจริงไหม  ไม่ใช่เอาแค่ทฤษฎีมาถียงกัน

      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ “ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้ผ่องใส” วัดพระธรรมกายก็สอนแบบนี้เหมือนกัน

     พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้ “ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา” วัดพระธรรมกายก็สอนแบบนี้เหมือนกัน

     ตั้งแต่ดิฉันเข้าวัด  ก็ได้รับการฝึกฝนอบรมจนเป็นคนดีขึ้นเรื่อย
จากที่เคยเป็นคนเจ้าอารมณ์  เหวี่ยงวีน  เอาแต่ใจ  โมโหร้าย  ชอบพูดทำร้ายจิตใจคนอื่น  ตอนนี้นิสัยพวกนั้นก็หายไปเกือบหมดแล้ว ปัจจุบัน   เป็นคนใจเย็น ไม่ใช้วาจาทำร้ายผู้อื่น รักการทำทาน  รักษาศีล 5 และเจริญภาวนาเป็นปกติ 
***     แล้วคนที่ไปวัดพระธรรมกายจำนวนมากก็ยืนยันว่า  คำสอนของวัดนี้เปลี่ยนให้เขาเป็นคนดีขึ้นได้จริง



     ถ้าวัดไหนสามารถสอนให้คนพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้  ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว  ทำไมต้องไปโจมตีแบบเอาเป็นเอาตายกันให้ได้ด้วยล่ะคะ 

     ใจกว้าง ๆ กันหน่อยซิคะ อย่าให้ความเห็นที่แตกต่างมาสร้างความแตกแยกเลยค่ะ

     ทีบางวัดมีรูปเคารพเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือสิ่งที่ไม่ใช่พระรัตนตรัย ซึ่งขัดกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ตรัสสอนให้บูชาแต่พระรัตนตรัย ทำไมยอมได้ 

     หรือศาสนาอื่น สอนคนละแนวกับพระพุทธศาสนา  เรียกว่าขัดแย้งกันเลย  ยังไม่เห็นต้องไปไล่บี้เขา  จนแทบไม่เหลือที่ให้ยืน  แบบที่ไล่บี้วัดพระธรรมกายอยู่นี่เลย  

                       ************************************

Hot ที่ 6
ถาม :  วัดพระธรรมกายพยายามแก้ไขพระไตรปิฎกให้เข้ากับคำสอนของตน

ตอบ :  พอเจอคำกล่าวหานี้งงหนักเลยค่ะ พระไตรปิฎกนี่แก้ไขได้ด้วยเหรอคะ

     ต้นฉบับพระไตรปิฎกถูกแปลเป็นหลายภาษา  เช่น อังกฤษ  ไทย พม่า ขอม   สิงหล  เวียดนาม จีน  เกาหลี  ญี่ปุ่น  

     ขนาดพระไตรปิฎกภาษาไทยอย่างเดียว ยังแบ่งเป็นหลายฉบับ เช่น ฉบับมหามกุฏฯ ฉบับมหาจุฬาฯ ฉบับหลวง ฉบับประชาชน ฯลฯ


     ถ้าวัดพระธรรมกายจะแก้ไขพระไตรปิฎกให้เข้ากับคำสอนของวัดจริง  มิต้องตามไปแก้เป็นล้านฉบับในหลายภาษาเหรอคะ  


     มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ที่วัดพระธรรมกายจะตามเปลี่ยนพระไตรปิกฎกทุกฉบับน่ะ  

     แค่เปลี่ยนของภาษาไทยอย่างเดียวยังเป็นไปไม่ได้เลย

     ถ้าไปขอเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข นักวิชาการทางพระพุทธศาสนาที่ไหนเขาจะยอมคะ  


     คิดดี ๆ ก่อนเชื่อข่าวลือนะคะ 

                    ************************************
หมายเหตุ   ดิฉันตอบในสไตล์ของตัวเองนะคะ  ไม่ใช่การตอบในนามของวัดพระธรรมกาย  


ขอบคุณข้อมูล:
- ชุลีพร ช่วงรังษี, https://www.facebook.com/ohsoul?fref=ts (เข้าถึงเมื่อ 9/5/59)
- ติดตามเรื่องราวดีๆ ใน https://www.facebook.com/OhLifeStory/

เคลียร์ชัด คัต ประเด็น Hot วัดพระธรรมกาย เคลียร์ชัด คัต ประเด็น Hot วัดพระธรรมกาย Reviewed by Mali_Smile1978 on 21:12 Rating: 5

9 ความคิดเห็น:

  1. ข้อมูลจริงวัดพระธรรมกายหาไม่ยากค่ะ ก็แค่พิสูจน์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ฟังต่อๆกันมา เหมือนที่ดิฉันก็เข้ามาพิสูจน์เองเช่นกัน ไม่ให้ใครจูงจมูกเราดีที่สุดค่ะ

    ตอบลบ
  2. ข้อมูลจริงวัดพระธรรมกายหาไม่ยากค่ะ ก็แค่พิสูจน์ด้วยตัวเอง ไม่ใช่แค่ฟังต่อๆกันมา เหมือนที่ดิฉันก็เข้ามาพิสูจน์เองเช่นกัน ไม่ให้ใครจูงจมูกเราดีที่สุดค่ะ

    ตอบลบ
  3. เห็นด้วยค่ะ อนุโมทนาบุญกับผู้เขียน
    สาธุ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณ อนุโมทนาบุญ เป็นกำลังใจที่ดีต่อผู้ตั้งใจทำความดีแต่อาจขัดใจคนพาล

    ตอบลบ
  5. ขอบคุณ อนุโมทนาบุญ เป็นกำลังใจที่ดีต่อผู้ตั้งใจทำความดีแต่อาจขัดใจคนพาล

    ตอบลบ
  6. ผู้ที่ปราศจากอคิติ ถึงไม่มีปัญญามาก ถ้าพิจารณาตามเหตุตามผล ด้วยสามัญสำนึกของปุถุชนคนธรรมดาดู
    จะเห็นว่าทุกข้อสงสัย มีคำตอบที่ชัดเจนแจ่มแจ้ง จากผู้ที่วิใจมาแล้ว มากกว่า30ปี สามารถเรียกบุคคลเช่นนี้ ว่า นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญพิเศษได้หรือยังครับ คุณคิดว่าควรจะเชื่อถือมั้ยล่ะครับ

    ตอบลบ
  7. ขอบคุณค่ะ ที่เขียนข้อความดีๆ ขออนุญาตแชร์ต่อนะคะ

    ตอบลบ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.